เปลี่ยนเกมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
สำหรับชายคนนี้แล้วเราคงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก แต่ว่ามารู้จักเขาสักนิดหน่อยก็ดี นอกจากการเป็นนักแสดง คนเขียนบท ผู้กำกับ และผู้ผลิตภาพยนตร์ระดับตำนาน รายการทีวี และมิวสิกวิดีโอมามากมายแล้ว โจนาห์ ฮิลล์ ยังโลดแล่นเป็นที่รู้จักในวงการฮอลลีวูดอีกด้วย เขาแสดงภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องที่ได้รับการชื่นชมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Moneyball, The Wolf of Wall Street รวมถึง 22 Jump Street แล้วยังเป็นเจ้าของประโยคเด็ด ๆ หลายประโยคที่คนพูดตามกันอย่างแพร่หลาย แต่ปัจจุบัน โจนาห์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์ถึงสองครั้ง กำลังก้าวเข้าสู่อีกด้านของอุตสาหกรรมนี้ นั่นก็คือการเป็นผู้เขียนและผลิตภาพยนต์อย่างเต็มตัว
แล้วเขาก็ทำได้ดีมาก ๆ ด้วย การเปิดตัวในฐานะผู้กำกับของ โจนาห์ เมื่อไม่นานมานี้กับภาพยนตร์ที่พูดถึงการก้าวข้ามวัยอย่าง Mid90s ได้รับการยกย่องให้เป็น “หนึ่งในสิบภาพยนตร์อิสระที่ดีที่สุดของปี 2018” จาก National Board of Review โจนาห์ บอกว่าตลอดหลายปีที่เขาทำงานเบื้องหน้า รวมถึงผู้คนที่เขาได้รู้จักตลอดการทำงาน ทำให้เขาได้เปรียบในการทำงานเบื้องหลัง
ผมคิดว่าทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่จะบอกว่าประสบการณ์ถัดไปที่เราจะได้รับคืออะไร ฉะนั้น ประสบการณ์ในฐานะนักแสดงตลอดเกือบ 20 ปีของผมนำมาผมมาสู่สิ่งนี้ ผมได้ร่วมงานกับผู้คนที่สุดยอดมาก
จากเจ้าของตำแหน่ง MVP สู่การเป็นทีมเพลย์เยอร์
การสร้างหนังไม่ใช่งานฉายเดี่ยว เเม้คุณจะชื่อ โจนาห์ ฮิลล์ ก็เถอะ “ไม่เคยมีใครสร้างภาพยนตร์ให้เสร็จได้ด้วยตัวคนเดียวหรอก” เขาบอก “อย่างน้อยต้องมีทีมงานสัก 100 คนได้ หากอยากจะทำหนังให้ออกมาดี” และหากบอกว่าการทำภาพยนตร์เป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นทีม โจนาห์ เองก็คงจะเป็นผู้เล่นที่เล่นเป็นทีมได้สุดยอดมาก ในวันที่มีนักแสดง นักเขียน และผู้ผลิตรุ่นใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย สิ่งที่ โจนาห์ ทำก็คือการร่วมงานกับคนเหล่านั้นและส่งต่อสิ่งที่เขารู้ให้กับนักสร้างสรรค์ที่กำลังเติบโต “ผมเชื่อในการเล่นบทครูแนะแนวที่คอยให้คำแนะนำปรึกษากับนักเรียน สิ่งที่ทำต่อกันมา สิ่งที่ต้องลงมือทำ…” เขากล่าว “ผมชอบที่จะเรียนรู้ และถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมรู้ ผมก็อยากจะแบ่งปันให้คนที่สนใจเช่นกัน”
เช่นเดียวกัน โจนาห์ มีความสุขกับการอยู่เบื้องหลังเพื่อช่วยให้ดาวดวงใหม่เปล่งแสง “ผมเห็นการเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์...ผู้คนที่ก่อนหน้านี้ไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะได้บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา พวกเขามีโอกาสได้ทำแล้ววันนี้ แล้วผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก และถ้าวันหนึ่งผมห่างหายไปจากวงการเพราะสาเหตุนี้ ผมว่ามันก็คงเจ๋งมาก ๆ เช่นกัน...” เขากล่าว
การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคนที่เข้ามาบริหารงานในสตูดิโอและบริษัทสตรีมมิงต่าง ๆ เป็นผู้หญิงและเป็นคนที่เสียงของพวกเขาไม่เคยได้รับการขานรับในระดับที่เท่าเทียมกับผู้ชายผิวขาวมาก่อน
การคอลแลบข้ามเจเนอเรชัน
ปัจจุบัน โจนาห์ เดินทางสู่จุดสูงสุดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว แต่แม้กระทั่งผู้เล่น MVP อย่างเขาก็ยังมีไอดอล เขาให้นิยามความเป็นซูเปอร์สตาร์ไว้ว่า “คนที่ผมเคยพบเจอ คนที่ผมชื่นชมหรือยกให้เป็นตัวอย่างในฐานะศิลปินหรือครีเอทีฟ” และเขายังเป็นคนที่เชื่ออย่างมากว่าไม่ว่าจะเจเนอเรชันไหน หากร่วมมือกันย่อมทำให้เกิดงานที่ยอดที่สุด “หากคนรุ่นก่อนหน้าไม่ทำไว้ก่อน ก็คงไม่เกิดความรู้ให้เราได้เรียนทุกวันนี้ และคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือความก้าวหน้าใด ๆ หากปราศจากคนรุ่นใหม่เช่นกัน” เขาบอก “ดังนั้น ถ้าคนจากสองเจเนอเรชันมารวมตัวกันได้ ผมคิดว่าน่าจะทำให้เกิดพลังมหาศาลที่นำไปสู่การสร้างสรรค์และงานศิลป์ชั้นยอด”
ภายใต้การนำของ โจนาห์ เหล่าครีเอเตอร์จากหลากเจเนอเรชันที่มารวมตัวกันในทีมเฉพาะกิจพร้อมแล้วสำหรับการร่วมมือสุดสร้างสรรค์ในระดับใหม่ และด้วยขนาดของทีมที่ใหญ่ยิ่งนี้ เรามองเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่รออยู่เบื้องหน้าแล้ว